วันนี้ได้คุยกับเพื่อนสองท่านที่ยังเล่นพระเก๊อยู่
เล่นมานาน แต่ก็ยังไม่เบื่อ
ท่านหนึ่งเล่นมาสองปี ท่านหนึ่ง ยี่สิบปี
แต่ก็ยังเล่นพระเก๊ตาเปล่า ไม่ขยับไปไหน
ก็เลยลองสอบถามและประมวลดู ว่าสาเหตุมีอะไรบ้าง
ก็สรุปได้ ดังนี้
1. ไม่มีครูสอน ที่เจอบ้าง ก็มีแต่พาหลงทาง
2. ไม่มีตำราที่ดี พึ่งตำราพระเก๊ พระมีใบรับรอง (ที่เป็นพระเก๊) และระบบเนต ที่มีแต่พระเก๊นำทาง
3. ไม่มีต้วอย่าง ได้มาแต่พระเก๊ เริ่มศึกษาจากพระเก๊
4. ไม่มีเพื่อนเล่นพระแท้ เพราะที่มี ก็เล่นกันแต่พระเก๊
5. ของแท้ราคาแพง ไม่แน่ใจ ไม่กล้าเสี่ยง เลยวนเวียนเล่นแต่พระเก๊
6. ของแท้หายาก ไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก ไม่ทราบจะหาที่ไหน
7. ของเก๊เกลื่อนในทุกระบบ ออกมาใหม่ๆ ทุกวัน เฉพาะตามพระเก๊ก็ยังตามไม่ทัน
8. ของเก๊ฝีมือจัดมีมาก พัฒนาจนคนเล่นตามไม่ทัน
9. ไม่มีเวลาเดินตลาด ศึกษาระบบตลาดพระ เพราะระบบชีวิตและงานรัดตัว
10. อยู่ในพื้นที่ที่หาพระแท้ได้ยาก แต่ก็ยังอยากจะเล่นพระอยู่
เท่าที่ประเมิน ก็ได้ประมาณนี้ครับ
ทราบดั่งนี้ ก็เลยแนะนำให้เลิกเล่นไปจะดีกว่า
หรือไม่ก็มาเรียนกับผมสักสองชั่วโมง จะแก้ปัญหาได้ทั้งสิบข้อทันที
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
การศึกษาพระกรุ
วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
5 เทคนิคในการ "โจมตี" รังพระ
เท่าที่ติดตามศึกษาระบบการหาพระของ "สายเดินพระ" ในตลาดขอนแก่น
จะมีอย่างน้อย 5 รูปแบบ เช่น
1. การไปขอแบ่งบางองค์
2. การเหมายกบ้าน ยกชุด
3. การแลกบางกลุ่ม บางองค์ บางชุด
ที่จะทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด ด้วยเทคนิคการโยกย้ายถ่ายเทหน้าพระของเขาเอง
แต่สิ่งที่ สายเดินพระจะหลีกเลี่ยงก็คือ
4. การเช่า หรือ การซื้อออกมาเลย
ที่จะทำให้ต้นทุนสูง
5. แต่ถ้ามีใบสั่ง เขาอาจจะ "ขอยืม" ออกมา หรือในวงการเรียก "เก้อ" ออกมา
(มาจากคำว่า ไทเก้อ แปลว่า จับเสือมือเปล่า)
ถ้ามีคนรับซื้อเขาก็จะได้ส่วนแบ่งทั้งสองขา ทั้งจากผู้ซื้อและผู้ขาย
ที่ผู้ซื้อต้องรับภาระค่อนข้างสูง
ราคาพระก็จะแปรปรวน ดั่งนี้แล
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
จะมีอย่างน้อย 5 รูปแบบ เช่น
1. การไปขอแบ่งบางองค์
2. การเหมายกบ้าน ยกชุด
3. การแลกบางกลุ่ม บางองค์ บางชุด
ที่จะทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด ด้วยเทคนิคการโยกย้ายถ่ายเทหน้าพระของเขาเอง
แต่สิ่งที่ สายเดินพระจะหลีกเลี่ยงก็คือ
4. การเช่า หรือ การซื้อออกมาเลย
ที่จะทำให้ต้นทุนสูง
5. แต่ถ้ามีใบสั่ง เขาอาจจะ "ขอยืม" ออกมา หรือในวงการเรียก "เก้อ" ออกมา
(มาจากคำว่า ไทเก้อ แปลว่า จับเสือมือเปล่า)
ถ้ามีคนรับซื้อเขาก็จะได้ส่วนแบ่งทั้งสองขา ทั้งจากผู้ซื้อและผู้ขาย
ที่ผู้ซื้อต้องรับภาระค่อนข้างสูง
ราคาพระก็จะแปรปรวน ดั่งนี้แล
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
สรุปบทเรียน กลุ่มการดูพระแท้ ทางไลน์ 4 กรกฎาคม 2557
เมื่อคืนดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครว่าง ก็เลยสอนแบบตอบถามอยู่สองประเด็นเล็กๆ
ประเด็นแรก คือเส้นใยแมงมุมในพระสนิมแดง ที่ไม่ทราบเจตนาของผู้บัญญัติศัพท์นี้
แต่จากการตีความน่าจะมีอย่างน้อยสองแบบด้วยกันคือ
1.เป็นการงอกของสนิมใหม่ตามรอยแตกปริของสนิมเก่า เป็นเส้นเล็กๆฝอยๆ ที่จะมี เฉพาะในกรณีที่มีสนิมเก่าเป็นแผ่นป้องกันรอบนอก เมื่อมีแรงดันจากภายในก็จะปริแยก แล้วสนิมใหม่ก็งอกออกมาตามนั้น เป็นเส้นเล็กๆ หรือ
2.เป็นการงอกของสนิมที่ผิว เป็นเส้นเล็กๆ ฉ่ำๆ จะชัดเจนเมื่อส่องสะท้อนกับแสงสว่างจัดๆ เช่น แสงอาทิตย์
ในกรณีแรกจะพบทั้งในพระเนื้อสนิมแดง และเนื้อผง บางองค์ บางเนื้อ ตามเงื่อนไข
ในกรณีที่สองจะพบเฉพาะพระเนื้อสนิมแดงเท่านั้น
แต่ทั้งสองกรณีก็ยังไม่ใช่จุดฟันธงแท้-เก๊ เพียงแต่ทำให้เป็นพระแท้ดูง่ายเท่านั้น ถ้าไม่มีก็ยังเป็นพระแท้ดูยากเท่านั้นเอง
ประเด็นที่สอง ผมเปิดประเด็นการดูเนื้อชินเขียวแบบชัดๆ
ก็คือการดูสนิมหลากหลายในเนื้อ จนดูเป็นเนื้อลายหินอ่อน มีสนิมไข ออกฉ่ำๆนวลๆ กลมกลืนอยู่ในเนื้อแบบไม่แยกชั้น
ที่เป็นการดูชินเขียวที่ผมเคยแนะนำไปแล้ว แต่นำมาขยายความเพิ่ม เพื่อความชัดเจนของการดูแท้เก๊ อีกครั้งหนึ่ง
จึงเป็นการสอนสั้นๆ ง่ายๆ แบบตามความความสนใจ ไม่มีกรอบการสอนที่กำหนดไว้
แต่ใช้แบบสอบถามความเข้าใจเท่านั้น
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ประเด็นแรก คือเส้นใยแมงมุมในพระสนิมแดง ที่ไม่ทราบเจตนาของผู้บัญญัติศัพท์นี้
แต่จากการตีความน่าจะมีอย่างน้อยสองแบบด้วยกันคือ
1.เป็นการงอกของสนิมใหม่ตามรอยแตกปริของสนิมเก่า เป็นเส้นเล็กๆฝอยๆ ที่จะมี เฉพาะในกรณีที่มีสนิมเก่าเป็นแผ่นป้องกันรอบนอก เมื่อมีแรงดันจากภายในก็จะปริแยก แล้วสนิมใหม่ก็งอกออกมาตามนั้น เป็นเส้นเล็กๆ หรือ
2.เป็นการงอกของสนิมที่ผิว เป็นเส้นเล็กๆ ฉ่ำๆ จะชัดเจนเมื่อส่องสะท้อนกับแสงสว่างจัดๆ เช่น แสงอาทิตย์
ในกรณีแรกจะพบทั้งในพระเนื้อสนิมแดง และเนื้อผง บางองค์ บางเนื้อ ตามเงื่อนไข
ในกรณีที่สองจะพบเฉพาะพระเนื้อสนิมแดงเท่านั้น
แต่ทั้งสองกรณีก็ยังไม่ใช่จุดฟันธงแท้-เก๊ เพียงแต่ทำให้เป็นพระแท้ดูง่ายเท่านั้น ถ้าไม่มีก็ยังเป็นพระแท้ดูยากเท่านั้นเอง
ประเด็นที่สอง ผมเปิดประเด็นการดูเนื้อชินเขียวแบบชัดๆ
ก็คือการดูสนิมหลากหลายในเนื้อ จนดูเป็นเนื้อลายหินอ่อน มีสนิมไข ออกฉ่ำๆนวลๆ กลมกลืนอยู่ในเนื้อแบบไม่แยกชั้น
ที่เป็นการดูชินเขียวที่ผมเคยแนะนำไปแล้ว แต่นำมาขยายความเพิ่ม เพื่อความชัดเจนของการดูแท้เก๊ อีกครั้งหนึ่ง
จึงเป็นการสอนสั้นๆ ง่ายๆ แบบตามความความสนใจ ไม่มีกรอบการสอนที่กำหนดไว้
แต่ใช้แบบสอบถามความเข้าใจเท่านั้น
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
สรุปบทเรียน การดูพระแท้ ทางไลน์ 5 กค 57
มื่อคืนตั้งใจจะเริ่มเร็วและเลิกเร็ว เพราะไปทำนาทั้งวัน ทำท่าจะง่วงนำทางมาเลย
ขนาดวันนี้ หลบไปทำนา ก็ยังมีคนตามเอาพระกรุบ้านกร่างไปให้อีก 2 องค์ สงสัยพระกรุนี้ ทั้งขอนแก่นจะมีผมเล่นคนเดียว หรือทั้งอีสานก็ไม่แน่ใจ องค์ที่ได้เมื่อวานนี้เม็ดทรายลอยสวยมาก ทำให้ดูง่ายมากๆ
เม็ดทรายลอย ดูง่าย และทำยากที่สุด เพราะ เม็ดทรายมน เหี่ยว และลอยทุกเม็ดจะทำได้ยังไง
ในเนื้อผงก็มี แต่ในเนื้อผงจะผ่านการร่อนแยกขนาด และเม็ดทรายจะจม ถ้าเม็ดโตๆมักจะเก๊
แม้ พระ ลพ ปานก็แยกขนาดเม็ดทราย โตก็เก๊เหมือนกัน ระดับที่ว่าเห็นเป็นเม็ดเมื่อไหร่ก็เก๊เลยครับ
ในกรณี พระดินดิบ ลพ ปาน ให้ดูความเก่าของปูนปิดรูผงยา ก็เหมือนกับการดูเนื้อผงเก่า ถ้าปูนไม่เก่าก็เก๊ชัวร์
ตามหลัก 3+ เลยครับ อาจได้ถึง 3+1 แต่ยังไม่ถึง 3+2
และ เนื้อดินต้องเห็นน้ำว่านงอก ตามหลักที่สอง ที่ว่า ในความนวลมีความฉ่ำ ในความฉ่ำมีความนวล และมีสีเหลืองๆของน้ำว่านหรือตังอิ้วอยู่ด้วย ลดปัญหาการปริแตก
เริ่มคุยจากเนื้อดินหลุดมาเนื้อผงซะแล้ว เลยมีคำถามว่า พระสมเด็จมีกลิ่นหอมๆไหม ที่เป็นไปได้ ถ้าพระแก่น้ำว่าน
ถ้าแก่ตังอิ้ว จะเหม็นหืน ถ้าแก่ปูน อย่างมากก็มีกลิ่นอับๆ การดมกลิ่นช่วยได้สำหรับคนจมูกดีครับ
พระใหม่ๆมักจะมีกลิ่นสารเคมี กลิ่นกาว กลิ่นน้ำยา กลิ่นพลาสติก
ต่อจากนั้น ก็มีคนสงสัยว่ากลิ่นจะอยู่ได้เป็นร้อยๆปีหรือ
ผมก็เลยถามเชิงอุปมาว่า ช่วยเอาปลาร้าไปล้างให้หมดกลิ่นปลาร้าได้ไหมครับ หรือเอาแก๊สไปล้างจนหมดกลิ่นแก๊สได้ไหม หรือลองสมมติว่าไปดมกลิ่นมัมมี่ 3000 ปี จะหมดกลิ่นศพไหม
คือเขาไม่ได้ใส่กลิ่น แต่กลิ่นคือส่วนประกอบของวัสดุเลย กลิ่นจะหายไปได้ยังไง ถ้ากลิ่นหมด วัสดุนั้นก็ต้องหมดแน่นอน
แล้วตังอิ้วหมดไปจากพระสมเด็จหรือยัง น้ำว่านหมดไปจากพระซุ้มกอหรือยัง
ลองไปดมพระเก๊ จะรู้เลย
ต่อจากนั้น ก็มีคำถามว่า เมื่อมวลสารร่อนแล้ว ทำไมจึงเห็นมวลสารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะวัดระฆัง ที่มี เกสรดอกไม้ ก้านธูป ก้อนผงพุทธคุณ ที่มีก็เพราะ ผสมทีหลัง "ผงพุทธคุณ" จากเศษพระองค์ก่อนๆ ที่มีเฉพาะวัดระฆัง ที่ทำทีละครก
สมเด็จบางขุนพรหม เกศไชโยจะไม่มี เพราะทำแบบไม่เหลือ ทำทีละมากๆ ตัดเศษออกใส่คืนทันที ไม่รอให้แห้ง
และมีคำถามต่อเนื่องว่า สมเด็จวัดระฆังจะเห็นปูนสุกปูนดิบและตังอิ๊ว ค่อนข้างชัดเจน ส่วนบางขุนพรหมจะเน้นไปทางปูนสุก แต่ทั้ง 2 วัดจะเห็นการพัฒนาการงอกค่อนข้างชัดเจน ส่วนเกศไชโย มีการพัฒนางอก น้อยกว่าทั้ง 2 วัด ทั้งๆที่ระยะเวลาทำองค์พระห่างกันไม่นาน น่าจะเกิดจากอะไรครับ
ที่น่าจะมาจากส่วนประกอบต่างกัน เปลือกหอยคนละแหล่ง หรือคนละชนิด ฝีมือการเตรียมก็ต่างกัน
ของที่ทำปริมาณมากมักจะไม่ค่อยดี ตามประวัติการสร้างวัดระฆังทำทีละน้อยๆๆ จึงมักจะดี แต่ไม่สม่ำเสมอ
แต่ของที่ทำเยอะๆ จะสม่ำเสมอ แต่จะไม่ค่อยดี นี่คือที่มาของความแตกต่างที่น่าจะเป็นครับ
ประเด็นการเรียนเมื่อคืนก็ประมาณนี้ครับ
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ขนาดวันนี้ หลบไปทำนา ก็ยังมีคนตามเอาพระกรุบ้านกร่างไปให้อีก 2 องค์ สงสัยพระกรุนี้ ทั้งขอนแก่นจะมีผมเล่นคนเดียว หรือทั้งอีสานก็ไม่แน่ใจ องค์ที่ได้เมื่อวานนี้เม็ดทรายลอยสวยมาก ทำให้ดูง่ายมากๆ
เม็ดทรายลอย ดูง่าย และทำยากที่สุด เพราะ เม็ดทรายมน เหี่ยว และลอยทุกเม็ดจะทำได้ยังไง
ในเนื้อผงก็มี แต่ในเนื้อผงจะผ่านการร่อนแยกขนาด และเม็ดทรายจะจม ถ้าเม็ดโตๆมักจะเก๊
แม้ พระ ลพ ปานก็แยกขนาดเม็ดทราย โตก็เก๊เหมือนกัน ระดับที่ว่าเห็นเป็นเม็ดเมื่อไหร่ก็เก๊เลยครับ
ในกรณี พระดินดิบ ลพ ปาน ให้ดูความเก่าของปูนปิดรูผงยา ก็เหมือนกับการดูเนื้อผงเก่า ถ้าปูนไม่เก่าก็เก๊ชัวร์
ตามหลัก 3+ เลยครับ อาจได้ถึง 3+1 แต่ยังไม่ถึง 3+2
และ เนื้อดินต้องเห็นน้ำว่านงอก ตามหลักที่สอง ที่ว่า ในความนวลมีความฉ่ำ ในความฉ่ำมีความนวล และมีสีเหลืองๆของน้ำว่านหรือตังอิ้วอยู่ด้วย ลดปัญหาการปริแตก
เริ่มคุยจากเนื้อดินหลุดมาเนื้อผงซะแล้ว เลยมีคำถามว่า พระสมเด็จมีกลิ่นหอมๆไหม ที่เป็นไปได้ ถ้าพระแก่น้ำว่าน
ถ้าแก่ตังอิ้ว จะเหม็นหืน ถ้าแก่ปูน อย่างมากก็มีกลิ่นอับๆ การดมกลิ่นช่วยได้สำหรับคนจมูกดีครับ
พระใหม่ๆมักจะมีกลิ่นสารเคมี กลิ่นกาว กลิ่นน้ำยา กลิ่นพลาสติก
ต่อจากนั้น ก็มีคนสงสัยว่ากลิ่นจะอยู่ได้เป็นร้อยๆปีหรือ
ผมก็เลยถามเชิงอุปมาว่า ช่วยเอาปลาร้าไปล้างให้หมดกลิ่นปลาร้าได้ไหมครับ หรือเอาแก๊สไปล้างจนหมดกลิ่นแก๊สได้ไหม หรือลองสมมติว่าไปดมกลิ่นมัมมี่ 3000 ปี จะหมดกลิ่นศพไหม
คือเขาไม่ได้ใส่กลิ่น แต่กลิ่นคือส่วนประกอบของวัสดุเลย กลิ่นจะหายไปได้ยังไง ถ้ากลิ่นหมด วัสดุนั้นก็ต้องหมดแน่นอน
แล้วตังอิ้วหมดไปจากพระสมเด็จหรือยัง น้ำว่านหมดไปจากพระซุ้มกอหรือยัง
ลองไปดมพระเก๊ จะรู้เลย
ต่อจากนั้น ก็มีคำถามว่า เมื่อมวลสารร่อนแล้ว ทำไมจึงเห็นมวลสารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะวัดระฆัง ที่มี เกสรดอกไม้ ก้านธูป ก้อนผงพุทธคุณ ที่มีก็เพราะ ผสมทีหลัง "ผงพุทธคุณ" จากเศษพระองค์ก่อนๆ ที่มีเฉพาะวัดระฆัง ที่ทำทีละครก
สมเด็จบางขุนพรหม เกศไชโยจะไม่มี เพราะทำแบบไม่เหลือ ทำทีละมากๆ ตัดเศษออกใส่คืนทันที ไม่รอให้แห้ง
และมีคำถามต่อเนื่องว่า สมเด็จวัดระฆังจะเห็นปูนสุกปูนดิบและตังอิ๊ว ค่อนข้างชัดเจน ส่วนบางขุนพรหมจะเน้นไปทางปูนสุก แต่ทั้ง 2 วัดจะเห็นการพัฒนาการงอกค่อนข้างชัดเจน ส่วนเกศไชโย มีการพัฒนางอก น้อยกว่าทั้ง 2 วัด ทั้งๆที่ระยะเวลาทำองค์พระห่างกันไม่นาน น่าจะเกิดจากอะไรครับ
ที่น่าจะมาจากส่วนประกอบต่างกัน เปลือกหอยคนละแหล่ง หรือคนละชนิด ฝีมือการเตรียมก็ต่างกัน
ของที่ทำปริมาณมากมักจะไม่ค่อยดี ตามประวัติการสร้างวัดระฆังทำทีละน้อยๆๆ จึงมักจะดี แต่ไม่สม่ำเสมอ
แต่ของที่ทำเยอะๆ จะสม่ำเสมอ แต่จะไม่ค่อยดี นี่คือที่มาของความแตกต่างที่น่าจะเป็นครับ
ประเด็นการเรียนเมื่อคืนก็ประมาณนี้ครับ
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
สรุปบทเรียน การดูพระแท้ ทางไลน์ 6 กค57
วันนี้ผมมีกิจต้องเดินทางไปงานแต่งลูกชายของเพื่อนที่อุดรธานี
แต่ก็เปิดช่องให้นักเรียนเข้ามาฝากคำถามไว้ในไลน์
ขณะอยู่ในงานเลี้ยง ผมก็แอบดูเป็นระยะ เผื่อจำเป็นจะต้องตอบคำถามแบบทันท่วงที
แต่ก็ไม่มีอะไรด่วนมาก มีเพียงคำถามเรื่องการดูรูปหล่อ ลพ ทวด 2505 ว่ามีหลักอะไรบ้าง
ด้วยความที่ผมยังไม่ได้เตรียมวัสดุการสอนไว้ในโนท ผมเลยตอบได้เฉพาะหลักการ ว่า.......
ให้ดูเนื้อเก่าลึก สนิมลึก ผิวนุ่ม ไม่มีความคม พิมพ์คมชัด มีผิวไฟ มีคราบขี้เบ้าแน่น เนียน ฯลฯ
ลักษณะสนิมลึกนั้น รวมสนิมน้ำหมากและสนิมหยก ที่ถ้าจะให้ชัดต้องมาดูของจริง รูปจะถ่ายไม่ค่อยชัด โดยเฉพาะท่านที่ยังดูรูปไม่เป็น
จึงขอแนะนำให้ดูที่บ้าน หรือถ้าดูรูปเป็น ดูในเฟสก็ได้ แต่จะสู้ส่ององค์จริงไม่ได้ครับ
พอมาถึงบ้านก็รีบถามว่า.... ใครยังรอถามอะไรไหมครับ
สำหรับเนื้อ ลพ ทวด จะจัดสอนให้หลังจากประเมินความต้องการของนักเรียนมากพอ ที่ตอนนี้ ผมก็มีไม่มาก สักสิบองค์ได้ ติดมากับพระเหมา ไม่ได้ตั้งใจหยิบ
เรื่อง ลพ ทวด เรียนเดี่ยวๆง่ายกว่า เพราะคนสนใจน้อยครับ ในกลุ่มเรียนเดิม มีคนสนใจไม่เกินสามคน และไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ครับ แต่คนกลุ่มนี้จำนวนหนึ่งหลุดไปเล่นเหรียญไปเลย เขาว่าเล่นง่าย แต่ผมว่าเล่นยาก มูลค่าเพิ่มก็น้อย ผมเลยไม่เล่นครับ เท่าที่ผมตามดูนะครับ เหรียญแท้ยาก เก๊ง่าย ตรงกันข้ามกับ ดิน ชิน ผง แท้ง่าย เก๊ยาก กว่ากันเยอะเลย
ในระหว่างนั้น ก็มีคำถามว่า ขี้เบ้า คือ อะไร
ที่แสดงว่าคนถามมาผิดสายแน่ๆ เพราะเป็นคำเรียกพื้นฐานมากๆ สำหรบสายที่เล่น “รูปหล่อ”
ขี้เบ้า ก็แค่เศษวัสดุไหม้ติดกับเนื้อพระ
ที่แสดงว่าท่านถามข้ามชุดความรู้กัน
ถ้าท่านที่เล่นพระรูปหล่อค่อยมาสนใจ ท่านเล่นพระกรุ อย่าถามเลยครับ คนละชุดความรู้กัน ตอบไปก็เข้าใจยากครับ
แค่คำถามผมก็รู้แล้วว่า ท่านผู้ถามไม่เล่นพระรูปหล่อ
ย้อนกลับมาวิเคราะห์สาเหตุที่ไม่ค่อยมีคำถามจากนักเรียนนั้น ผมเดาว่า ยังไม่ค่อยเดินตลาดกัน คนที่เดินตลาดบ่อยๆ คำถามคงจะเยอะแน่ๆ
อย่างผมนี่ พูดจริงๆ มีคำถามมากๆๆๆๆๆๆ แต่ผมไม่รู้จะถามใคร เลยต้องค่อยๆหาคำตอบเอง โดยการเดินตลาดทุกวัน
ผมจึงเรียนช้า กว่าจะผ่านแต่ละเนื้อก็หลายวัน บางทีเป็นเดือน อย่างพระสมเด็จเนื้อผงนี่หลายเดือนเลย อะไรที่คิดไม่ออกจะรอไว้ก่อน หาของได้แล้วค่อยมาคิดต่อ
คนจำนวนมาก ถ้าไม่ตั้งคำถามเอง มักจะได้คำตอบไม่ค่อยตรงประเด็นความสนใจครับ
ที่จริงผมก็เน้นช่วยคนที่มีศักยภาพมากกว่า ใครที่ไม่สะดวกผมก็ไม่แนะนำให้มาเสียเวลาตรงนี้ครับ แต่พอผมบอกไปว่าควรเลิก เหมือนกับผมไปว่า จึงมีไม่ถึงครึ่งที่ยอมถอยตามคำแนะนำของผม จึงมีคนจำนวนมาก ไม่เรียน แต่ก็ไม่ถอย ที่เป็นกลุ่มที่ผมเป็นห่วงมากๆครับ
ตัวผมเองที่เดินได้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะตั้งใจเรียน และ "เดินเร็ว" เป็นหลัก ถ้าเดินช้า เหมือนบางท่าน น่าจะมอดไหม้ไปในระบบตลาดพระนานแล้ว ผมจึงอยากเห็นทุกคนก้าวหน้าตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก และถ้าไม่ถนัดควรจะไปเลือกทางอื่นๆ ที่ง่าย และดีกว่าครับ
นี่คือคำแนะนำจากประสบการณ์จริงๆ ตรงๆ ไม่ประชดใคร ในประเด็นใดทั้งสิ้น
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
แต่ก็เปิดช่องให้นักเรียนเข้ามาฝากคำถามไว้ในไลน์
ขณะอยู่ในงานเลี้ยง ผมก็แอบดูเป็นระยะ เผื่อจำเป็นจะต้องตอบคำถามแบบทันท่วงที
แต่ก็ไม่มีอะไรด่วนมาก มีเพียงคำถามเรื่องการดูรูปหล่อ ลพ ทวด 2505 ว่ามีหลักอะไรบ้าง
ด้วยความที่ผมยังไม่ได้เตรียมวัสดุการสอนไว้ในโนท ผมเลยตอบได้เฉพาะหลักการ ว่า.......
ให้ดูเนื้อเก่าลึก สนิมลึก ผิวนุ่ม ไม่มีความคม พิมพ์คมชัด มีผิวไฟ มีคราบขี้เบ้าแน่น เนียน ฯลฯ
ลักษณะสนิมลึกนั้น รวมสนิมน้ำหมากและสนิมหยก ที่ถ้าจะให้ชัดต้องมาดูของจริง รูปจะถ่ายไม่ค่อยชัด โดยเฉพาะท่านที่ยังดูรูปไม่เป็น
จึงขอแนะนำให้ดูที่บ้าน หรือถ้าดูรูปเป็น ดูในเฟสก็ได้ แต่จะสู้ส่ององค์จริงไม่ได้ครับ
พอมาถึงบ้านก็รีบถามว่า.... ใครยังรอถามอะไรไหมครับ
สำหรับเนื้อ ลพ ทวด จะจัดสอนให้หลังจากประเมินความต้องการของนักเรียนมากพอ ที่ตอนนี้ ผมก็มีไม่มาก สักสิบองค์ได้ ติดมากับพระเหมา ไม่ได้ตั้งใจหยิบ
เรื่อง ลพ ทวด เรียนเดี่ยวๆง่ายกว่า เพราะคนสนใจน้อยครับ ในกลุ่มเรียนเดิม มีคนสนใจไม่เกินสามคน และไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ครับ แต่คนกลุ่มนี้จำนวนหนึ่งหลุดไปเล่นเหรียญไปเลย เขาว่าเล่นง่าย แต่ผมว่าเล่นยาก มูลค่าเพิ่มก็น้อย ผมเลยไม่เล่นครับ เท่าที่ผมตามดูนะครับ เหรียญแท้ยาก เก๊ง่าย ตรงกันข้ามกับ ดิน ชิน ผง แท้ง่าย เก๊ยาก กว่ากันเยอะเลย
ในระหว่างนั้น ก็มีคำถามว่า ขี้เบ้า คือ อะไร
ที่แสดงว่าคนถามมาผิดสายแน่ๆ เพราะเป็นคำเรียกพื้นฐานมากๆ สำหรบสายที่เล่น “รูปหล่อ”
ขี้เบ้า ก็แค่เศษวัสดุไหม้ติดกับเนื้อพระ
ที่แสดงว่าท่านถามข้ามชุดความรู้กัน
ถ้าท่านที่เล่นพระรูปหล่อค่อยมาสนใจ ท่านเล่นพระกรุ อย่าถามเลยครับ คนละชุดความรู้กัน ตอบไปก็เข้าใจยากครับ
แค่คำถามผมก็รู้แล้วว่า ท่านผู้ถามไม่เล่นพระรูปหล่อ
ย้อนกลับมาวิเคราะห์สาเหตุที่ไม่ค่อยมีคำถามจากนักเรียนนั้น ผมเดาว่า ยังไม่ค่อยเดินตลาดกัน คนที่เดินตลาดบ่อยๆ คำถามคงจะเยอะแน่ๆ
อย่างผมนี่ พูดจริงๆ มีคำถามมากๆๆๆๆๆๆ แต่ผมไม่รู้จะถามใคร เลยต้องค่อยๆหาคำตอบเอง โดยการเดินตลาดทุกวัน
ผมจึงเรียนช้า กว่าจะผ่านแต่ละเนื้อก็หลายวัน บางทีเป็นเดือน อย่างพระสมเด็จเนื้อผงนี่หลายเดือนเลย อะไรที่คิดไม่ออกจะรอไว้ก่อน หาของได้แล้วค่อยมาคิดต่อ
คนจำนวนมาก ถ้าไม่ตั้งคำถามเอง มักจะได้คำตอบไม่ค่อยตรงประเด็นความสนใจครับ
ที่จริงผมก็เน้นช่วยคนที่มีศักยภาพมากกว่า ใครที่ไม่สะดวกผมก็ไม่แนะนำให้มาเสียเวลาตรงนี้ครับ แต่พอผมบอกไปว่าควรเลิก เหมือนกับผมไปว่า จึงมีไม่ถึงครึ่งที่ยอมถอยตามคำแนะนำของผม จึงมีคนจำนวนมาก ไม่เรียน แต่ก็ไม่ถอย ที่เป็นกลุ่มที่ผมเป็นห่วงมากๆครับ
ตัวผมเองที่เดินได้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะตั้งใจเรียน และ "เดินเร็ว" เป็นหลัก ถ้าเดินช้า เหมือนบางท่าน น่าจะมอดไหม้ไปในระบบตลาดพระนานแล้ว ผมจึงอยากเห็นทุกคนก้าวหน้าตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก และถ้าไม่ถนัดควรจะไปเลือกทางอื่นๆ ที่ง่าย และดีกว่าครับ
นี่คือคำแนะนำจากประสบการณ์จริงๆ ตรงๆ ไม่ประชดใคร ในประเด็นใดทั้งสิ้น
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
นิทานที่ผมไม่ค่อยอยากฟัง (แต่ก็ได้ยินบ่อยมากๆ)
แทบทุกวัน จะมีคนนำพระเก๊ตาเปล่า เนื้อพลาสติก แต่งผิวบ้าง ไม่แต่งผิวบ้าง มาให้ชม……….
อาจารย์ครับกระผมขออนุญาต ฝากอาจารย์ติชมหน่อยนะครับ
ผมรับตัดบท..........พระแท้ไม่ได้หาง่ายๆนะครับ เปรียบดั่งท่านไม่รู้จักช้าง แต่จะไปจับช้างมาสักเชือกหนึ่ง เป็นไปได้ยากมากครับ
แต่เขาก็มั่นใจมาก........วัดระฆังเนื้อก้นครกพิมพ์ช่างหลวง ผิวโดนล้างนะครับ ถ้ายังไงพรุ่งนี้กระผมรบกวนอาจารย์ดูให้อีกรอบนะครับ
ผมพยายามสอนว่า.......ท่านชอบแบบนี้ก็เล่นไปเลยครับสร้างนิทานประกอบซะเพราะเลย พระพลาสติกจะล้างไม่ล้างก็ไม่เป็นผลหรอกครับมามาดนี้แนะนำให้เลิกไปจะดีกว่าครับ อย่ามาเสียเวลาแถวนี้เลยครับ
พระเนื้อปูนล้างแล้วจะเห็นปูน ไม่มีพลาสติกโผล่แน่นอน
เขากลับสอนผมว่า.............ก่อนปีสองห้ามีการปลอมพระน้อยมาส่วนพระองค์นี้ พอดีได้มาจากพ่ออะครับ พอดีว่ามันเก่ามากพ่อได้มาจากปู่หลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นพระอะไรก็เลยล้างขัด แต่พอมีคนเห็นแล้วบอกประมาณที่ผมบอกแหละครับ
ผมพยายามบอกว่า.........ได้มาจากใครก็ไม่ต่างกันครับ ผมดูที่พระ ไม่ฟังนิทานครับ เพราะเนื้อพระสำคัญกว่าครับ
องค์นี้พลาสติกแน่นอน ปลอมปีไหนผมไม่ทราบอยากทราบไปถามเซียนพระพลาสติก ในเวบมีเกลื่อนมีเพื่อนเล่นเยอะครับไม่น้อยกว่า 90% คือถ้าชอบอย่างนี้ก็ไปจับกลุ่มกับพวกเซียนพระพลาสติก จะสนุกกว่ามาถามผมครับ เพราะผมเล่นแค่ปูนกับดินดิบเท่านั้น
เขายังไม่ฟังผม กลับถามต่อว่า.......สิ่งที่อาจารย์มองเห็นมีอะไรบ้าง
ผมไม่ทราบจะดูอะไร ก็เลยบอกว่า ...............ก็แค่พลาสติกอัด จะให้ยกอะไรเนื้อยังไม่พัฒนาอะไรเลยพระเนื้อปูนหลังล้าง อาทิตย์เดียวก็เห็นการพัฒนาการแล้วครับเพราะเนื้อจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมวลสารวัดระฆังดูง่ายมากๆไม่มีอย่างที่คุณส่งมาสักนิดเดียว
ที่ผมส่งรูปให้ดูพระล้างหนักๆทั้งนั้นองค์กร่อนๆนั้นหนักที่สุด ลองดูมวลสาร แล้วจะเข้าใจว่าพระล้างเป็นอย่างไร
เล่นพระอย่ามั่วถ้าคิดจะมั่ว แนะนำให้เลิกไปซะ เสียเวลาชีวิตเป็นหมูสนามทั้งชาติแน่นอนวงการนี้ไม่ปรานีคนที่เล่นมั่วๆถ้าไม่คิดจะเรียนควรเลิกเล่นไปเลยครับผมกว่าจะฝ่าด่านวิชามารมาได้ก็หนักหนาสาหัสพอสมควรคุณเลิกตอนนี้ยังไม่สายผมเดาว่ายังหมดไม่ถึงล้านบาท
บางคนหมดไปเป็นร้อยล้าน ก็ยังเก็บพระพลาสติกไว้ให้ลูกหลานเต็มบ้านขนใส่รถมาเต็มคันรถให้ผมช่วยดู พลาสติกทั้งนั้นทั้งใบรับรอง ทั้งพระติดรางวัลที่1 เก๊ล้วนๆแล้วลูกหลานก็มาหลงดีใจว่าปู่เก็บพระไว้ให้ ที่แท้ก็เก๊ล้วนๆ น่าสงสารครับผมเจอมาเป็นสิบครอบครัวต้องอกหักกับการที่ปู่ไม่ยอมเรียน นี่แหละครับ
พอใครมามาดนี้ ผมแนะนำให้เลิก ง่ายและดีที่สุดกับตัวเอง ครอบครัว และวงศ์ตระกูลครับ
เมื่อไหร่นิทานเหล่านี้จะหมดคนเล่าสักที น่าเบื่อมากๆครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
อาจารย์ครับกระผมขออนุญาต ฝากอาจารย์ติชมหน่อยนะครับ
ผมรับตัดบท..........พระแท้ไม่ได้หาง่ายๆนะครับ เปรียบดั่งท่านไม่รู้จักช้าง แต่จะไปจับช้างมาสักเชือกหนึ่ง เป็นไปได้ยากมากครับ
แต่เขาก็มั่นใจมาก........วัดระฆังเนื้อก้นครกพิมพ์ช่างหลวง ผิวโดนล้างนะครับ ถ้ายังไงพรุ่งนี้กระผมรบกวนอาจารย์ดูให้อีกรอบนะครับ
ผมพยายามสอนว่า.......ท่านชอบแบบนี้ก็เล่นไปเลยครับสร้างนิทานประกอบซะเพราะเลย พระพลาสติกจะล้างไม่ล้างก็ไม่เป็นผลหรอกครับมามาดนี้แนะนำให้เลิกไปจะดีกว่าครับ อย่ามาเสียเวลาแถวนี้เลยครับ
พระเนื้อปูนล้างแล้วจะเห็นปูน ไม่มีพลาสติกโผล่แน่นอน
เขากลับสอนผมว่า.............ก่อนปีสองห้ามีการปลอมพระน้อยมาส่วนพระองค์นี้ พอดีได้มาจากพ่ออะครับ พอดีว่ามันเก่ามากพ่อได้มาจากปู่หลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นพระอะไรก็เลยล้างขัด แต่พอมีคนเห็นแล้วบอกประมาณที่ผมบอกแหละครับ
ผมพยายามบอกว่า.........ได้มาจากใครก็ไม่ต่างกันครับ ผมดูที่พระ ไม่ฟังนิทานครับ เพราะเนื้อพระสำคัญกว่าครับ
องค์นี้พลาสติกแน่นอน ปลอมปีไหนผมไม่ทราบอยากทราบไปถามเซียนพระพลาสติก ในเวบมีเกลื่อนมีเพื่อนเล่นเยอะครับไม่น้อยกว่า 90% คือถ้าชอบอย่างนี้ก็ไปจับกลุ่มกับพวกเซียนพระพลาสติก จะสนุกกว่ามาถามผมครับ เพราะผมเล่นแค่ปูนกับดินดิบเท่านั้น
เขายังไม่ฟังผม กลับถามต่อว่า.......สิ่งที่อาจารย์มองเห็นมีอะไรบ้าง
ผมไม่ทราบจะดูอะไร ก็เลยบอกว่า ...............ก็แค่พลาสติกอัด จะให้ยกอะไรเนื้อยังไม่พัฒนาอะไรเลยพระเนื้อปูนหลังล้าง อาทิตย์เดียวก็เห็นการพัฒนาการแล้วครับเพราะเนื้อจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมวลสารวัดระฆังดูง่ายมากๆไม่มีอย่างที่คุณส่งมาสักนิดเดียว
ที่ผมส่งรูปให้ดูพระล้างหนักๆทั้งนั้นองค์กร่อนๆนั้นหนักที่สุด ลองดูมวลสาร แล้วจะเข้าใจว่าพระล้างเป็นอย่างไร
เล่นพระอย่ามั่วถ้าคิดจะมั่ว แนะนำให้เลิกไปซะ เสียเวลาชีวิตเป็นหมูสนามทั้งชาติแน่นอนวงการนี้ไม่ปรานีคนที่เล่นมั่วๆถ้าไม่คิดจะเรียนควรเลิกเล่นไปเลยครับผมกว่าจะฝ่าด่านวิชามารมาได้ก็หนักหนาสาหัสพอสมควรคุณเลิกตอนนี้ยังไม่สายผมเดาว่ายังหมดไม่ถึงล้านบาท
บางคนหมดไปเป็นร้อยล้าน ก็ยังเก็บพระพลาสติกไว้ให้ลูกหลานเต็มบ้านขนใส่รถมาเต็มคันรถให้ผมช่วยดู พลาสติกทั้งนั้นทั้งใบรับรอง ทั้งพระติดรางวัลที่1 เก๊ล้วนๆแล้วลูกหลานก็มาหลงดีใจว่าปู่เก็บพระไว้ให้ ที่แท้ก็เก๊ล้วนๆ น่าสงสารครับผมเจอมาเป็นสิบครอบครัวต้องอกหักกับการที่ปู่ไม่ยอมเรียน นี่แหละครับ
พอใครมามาดนี้ ผมแนะนำให้เลิก ง่ายและดีที่สุดกับตัวเอง ครอบครัว และวงศ์ตระกูลครับ
เมื่อไหร่นิทานเหล่านี้จะหมดคนเล่าสักที น่าเบื่อมากๆครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
สรุปบทเรียน ของกลุ่ม การดูพระแท้ ทางไลน์ 8 กค 57
เมื่อคืนมีคนเข้าเรียนไม่มาก เลยสอนแบบเบาๆ โดยวิธีการให้ตั้งคำถามมา
ก็มีนักเรียนใหม่ นำพระกำแพงเม็ดขนุนเนื้อพลาสติก ทากาว เก๊ตาเปล่า มาถาม
ผมก็เลยให้หลักการสังเกตง่ายๆ ในกลุ่มพระกำแพง ที่มีหลักการที่ควรสังเกต 2 มุมครับ คือ....
พุทธศิลป์ ตามหลักของศิลปะกำแพง ที่มีส่วนผสมของ ศิลปะอู่ทอง เชียงแสน เป็นหลัก
และเอกลักษณ์ของการสร้าง ที่มักมีลายมือปรากฏด้านหลัง (ถ้าผิวไม่กร่อนมากนัก) แต่ พระเก่ามักจะกร่อน
ของที่ทำเลียนแบบ อาจจะกร่อนแต่ไม่งอก หรือ ทั้งไม่กร่อนไม่งอก
จึงไม่ควรสัมผัสพระของจริงบ่อยๆ ยิ่งเนื้ออ่อนมากยิ่งกร่อนง่าย
และมีคำถามต่อว่า พระเนื้อดินเคลือบรักน้ำเกลี้ยงมีไหมครับ
ที่ผมสงสัยว่า น่าจะเป็น ชุบยางไม้มากกว่า เพราะถ้ารักน้ำเกลี้ยงที่เคลือบเนื้อดิน ก็คงไหม้แบบเดียวกัน
และ ผมฟังยังกับ "พลาสติกชุบกาวมากกว่า" จึงขอดูเพื่อความมั่นใจ และนำรักน้ำเกลี้ยง ในพระสมเด็จให้ดูเป็นตัวอย่าง
เมื่อส่งรูปมาก็เป็นแค่พระพลาสติกชุบกาวชุบแป้ง เท่านั้นเอง
ก็เป็นการเรียนแบบเบาๆ สำหรับนักเรียนรุ่นใหม่ ที่พยายามจะปรับตัวให้ทันรุ่นก่อนๆ
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ก็มีนักเรียนใหม่ นำพระกำแพงเม็ดขนุนเนื้อพลาสติก ทากาว เก๊ตาเปล่า มาถาม
ผมก็เลยให้หลักการสังเกตง่ายๆ ในกลุ่มพระกำแพง ที่มีหลักการที่ควรสังเกต 2 มุมครับ คือ....
พุทธศิลป์ ตามหลักของศิลปะกำแพง ที่มีส่วนผสมของ ศิลปะอู่ทอง เชียงแสน เป็นหลัก
และเอกลักษณ์ของการสร้าง ที่มักมีลายมือปรากฏด้านหลัง (ถ้าผิวไม่กร่อนมากนัก) แต่ พระเก่ามักจะกร่อน
ของที่ทำเลียนแบบ อาจจะกร่อนแต่ไม่งอก หรือ ทั้งไม่กร่อนไม่งอก
จึงไม่ควรสัมผัสพระของจริงบ่อยๆ ยิ่งเนื้ออ่อนมากยิ่งกร่อนง่าย
และมีคำถามต่อว่า พระเนื้อดินเคลือบรักน้ำเกลี้ยงมีไหมครับ
ที่ผมสงสัยว่า น่าจะเป็น ชุบยางไม้มากกว่า เพราะถ้ารักน้ำเกลี้ยงที่เคลือบเนื้อดิน ก็คงไหม้แบบเดียวกัน
และ ผมฟังยังกับ "พลาสติกชุบกาวมากกว่า" จึงขอดูเพื่อความมั่นใจ และนำรักน้ำเกลี้ยง ในพระสมเด็จให้ดูเป็นตัวอย่าง
เมื่อส่งรูปมาก็เป็นแค่พระพลาสติกชุบกาวชุบแป้ง เท่านั้นเอง
ก็เป็นการเรียนแบบเบาๆ สำหรับนักเรียนรุ่นใหม่ ที่พยายามจะปรับตัวให้ทันรุ่นก่อนๆ
ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)