สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้เรามาคุยกันถึงพระกรุเนื้อชินเงิน ของกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี ที่มีชื่อเรียกกันว่า "พระอู่ทองท้องช้าง" กันนะครับ มีบางท่านก็อดสงสัยไม่ได้ว่า พิจารณาจากองค์พระแล้วทำไมจึงมีชื่อเรียกว่า "พระอู่ทอง" ทั้งๆ ที่มองดูแล้วคล้ายกับว่ามีศิลปะแบบลพบุรี และขุดพบที่ลพบุรีปะปนอยู่กับพระเครื่องชนิดต่างๆ ที่มีศิลปะลพบุรีด้วย แถมมีสร้อยต่อท้ายว่า ท้องช้าง อีก ครับเราลองมาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องศิลปะที่เขาเรียกกันว่าศิลปะอู่ทอง และที่มาของพระอู่ทองท้องช้างลพบุรีกันครับ
ศิลปะอู่ทอง คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงราชวงศ์อู่ทองในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา แต่ในเรื่องของศิลปะอู่ทองนั้นเป็นการเรียกรูปแบบของศิลปะ ซึ่งศิลปะแบบนี้มีอายุเก่าแก่มาช้านาน ในภาคกลางของประเทศไทยนั้นเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรทวารวดี และต่อมาก็ถูกชาวขอมเข้ามาครอบครอง ศิลปะแบบอู่ทองจึงเป็นศิลปะที่มีอิทธิพลจากที่ต่างๆ มาผสมกัน แต่ช่างที่ทำก็คงเป็นช่างไทย นักวิชาการจึงแยกศิลปะอู่ทองออกเป็น 3 แบบ 3 ยุคคือ
แบบที่ 1 มีอิทธิพลของศิลปะ ทวารวดีและขอมผสมกัน แบบนี้เป็นแบบแรกและมีอยู่น้อย อาจเกิดขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ 17-18 พระรัศมีมักเป็นรูปดอกบัวตูมหรือแบบฝาละมี เครื่องแต่งพระพักตร์และจีวรยังคงคล้ายแบบ ทวารวดีผสมแบบขอม แต่พระพักตร์ก็เป็นสี่เหลี่ยมตามแบบขอม มีขอบสงบชัดเจน และมีเส้นไรพระศกศิลปะแบบนี้บางท่านก็เรียกว่า "อู่ทองสุวรรณภูมิ"
แบบที่ 2 มีอิทธิพลของศิลปะขอมหรือลพบุรีมากยิ่งขึ้น พระรัศมีบนพระเกศมาลาหรือเมาลีเป็นรูปเปลวแบบนี้คงเกิดขึ้นหลังแบบแรก และมีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-19 ซึ่งในสังคมผู้นิยม พระเครื่องพระบูชามักเรียกกันว่า "อู่ทองหน้าแก่"
แบบที่ 3 มีอิทธิพลของศิลปะสุโขทัยเข้ามาปะปนอยู่มาก แต่ลักษณะของแบบอู่ทองคือมีไรพระศก และฐานเป็นหน้ากระดานแอ่นเป็นร่องเข้าข้างในยังคงอยู่ แบบนี้คงเกิดขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19-20 เช่นที่ค้นพบเป็นจำนวนมากในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา หรือที่มักเรียกกันว่า "อู่ทองหน้าหนุ่ม"
ลักษณะประจำของพระพุทธรูปและพระเครื่องศิลปะแบบอู่ทอง ก็คือ มีไรพระศก ชายจีวรหรือสังฆาฏิยาวปลายตัดเป็นเส้นตรง มีเส้นขอบสงบชัดเจน
ครับเมื่อเราพอจะเข้าใจรูปแบบของศิลปะบ้างแล้ว ก็เข้าดูพระเครื่องของกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรี ที่มีชื่อว่า "พระอู่ทองท้องช้าง" ที่พบพร้อมกับพระหูยานลพบุรีกรุใหม่ ในประมาณปีพ.ศ.2500 กว่าๆ พิจารณาตามลักษณะของพิมพ์พระแล้ว ก็มีรูปแบบศิลปะแบบอู่ทองแบบที่ 1 หรืออู่ทองสุวรรณภูมิ เช่นพระเกศเป็นแบบดอกบัวตูมหรือฝาละมี มีเส้นไรพระศก ชายสังฆาฏิปลายตัด มีเส้นขอบสบง จึงเข้ากับศิลปะแบบอู่ทองแบบที่ 1 ส่วนที่มาของสร้อยต่อท้ายคำว่า "ท้องช้าง" คือ เส้นชายจีวรที่ต่อลงมาจากชายสังฆาฏิ ลักษณะเป็นเส้นโค้งทอดยาวลงมาถึงบนหน้าตัก เหมือนกับเส้นตกท้องช้าง จึงเป็นที่มาของสร้อยต่อท้ายชื่อครับ
พระอู่ทองท้องช้างที่พบในกรุพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุนั้น พบที่เป็นแบบไม่มีฐานรองรับ แบบที่มีฐานบัวชั้นเดียว แบบที่มีฐานบัวสองชั้น และพิมพ์พระสาม หรือพระตรีกาย ซึ่งเป็นพระแผงขนาดเขื่องก็พบครับ ส่วนมากมักพบเป็นเนื้อชินเงิน มีคราบปรอทจับขาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น