เมื่อผมเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการดูพุทธศิลป์ของพระพุทธรูปยุคต่างๆนั้น ผมได้อาศัยความรู้เดิมที่ผมเคยมีด้าน ดิน หิน แร่ มาเป็นฐานของการเรียนรู้
แต่ในช่วงแรกๆ ผมก็มีปัญหากับ
- การมองเนื้อ และความเก่า ของพระกรุ แยกออกจากพระโรงงานไม่เป็น
- นอกเหนือไปจากการแยกกลุ่มวัสดุดินเผา ดินเหนียว และมวลสารที่ควรจะมีในพระกรุ ที่พระโรงงานไม่มี หรือ มีก็ทำได้ไม่เหมือน
ผมจึงหันมาเริ่มด้วยการแยกความเก่าธรรมชาติ และความเก่าที่พยายามทำให้ “ดูเก่า” โดยช่างฝีมือในโรงงานผลิตพระ ที่มีศูนย์กลางการตลาดอยู่ที่ “ท่าพระจันทร์”
ที่มีระดับฝีมือที่หลากหลายมาก ตั้งแต่
1. การเลือกวัสดุที่มีความใกล้เคียงกับพระกรุ ทั้งส่วนที่เป็นเนื้อใน คราบกรุ และคราบผุ มาทำเป็นชั้นๆ แบบช่างฝีมือจริงๆ
2. การทำให้ผิวไม่เรียบมีบางส่วนของพิมพ์พระหลุดหายไป หรือโปะซ่อนไว้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นตำหนิสำคัญ ที่ทำปลอมยาก
3. ทำให้เกิดการกร่อน ทั้งแบบบางส่วนและทั่วถึง
4. นำวัสดุอื่นที่มวลและสีอ่อนกว่ามาโปะเคลือบให้ดูเหมือนคราบผุ และคราบกรุเป็นชั้นๆ
ทั้งสี่ข้อนี้ ก็จะยังมีจุดที่สังเกตได้คือ
- เนื้อพระโรงงานโดยรวมมักจะดูผุ อ่อนยุ่ย ไม่แกร่ง ผิวที่เหลือหลังจากสึกจะไม่เรียบมัน นอกจากจะใช้เนื้อเดิมที่มีมาแกะให้เป็นพระที่พิมพ์เล็กลงกว่าเดิม
- เนื้อพระโรงงานจะมีการทำให้เกิดหลุมบ่อที่ผิวแบบดูกระด้างๆ
- การกร่อนของพระโรงงานยังเกิดมีเหลี่ยมมุม ไม่มน ดูแข็งกระด้าง ผิวหยาบๆ ดูไม่นุ่มนวล
- โดยธรรมชาติ ถ้ามีหินแร่ หรือทราย ให้สังเกตความมนของเม็ดทราย ที่ต้องมนด้านนอก และยังเหลือเหลี่ยมคมกว่าอยู่ด้านใน
- โดยธรรมชาติ ผิวเม็ดทรายด้านนอกจะต้องมีรอยสึกเรียบๆ แต่ไม่มีรอยขัด ที่ผิวเม็ดทรายหรือแร่จะมน และนูนสูงกว่าเนื้อดินข้างๆแบบกลมกลืนกันกับดินรอบๆ
- โดยธรรมชาติ บริเวณรอบเม็ดทรายมักมีร่องแยกระหว่างเม็ดทรายกับเนื้อดิน หรือรอยเม็ดทรายหลุด ที่ใช้ดูร่องรอยการผุในหลุมเม็ดทรายได้อีกชั้นหนึ่ง
- พระโรงงานไม่มีรารักสีดำที่เกิดจากความเก่าแบบธรรมชาติบนผิวแกร่ง แต่เป็นสีพ่น หรือสีดำทาอยู่ที่ผิวทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจงตามที่ควรจะเป็น
- พระโรงงานมีการปิดบังผิว แบบผิวปิดด้วยคราบโปะที่หลุดง่าย หรือแบ่งเป็นชั้นๆ ยุ่ยๆอย่างชัดเจน ไม่เชื่อมต่อ หรือต่อเนื่องแบบเป็นเนื้อที่กลมกลืนกัน
- บางทีการโปะวัสดุในพระโรงงานจนทำให้พิมพ์ทรง หรือศิลปะเพี้ยนไป ที่ต้องอาศัยการดูพิมพ์พระประกอบด้วย โดยการมองทั้งด้วยตาเปล่า และการมองผ่านเลนส์
- บางทีพิมพ์พระดูยังสมบูรณ์ทั้งๆที่มีการกร่อนขององค์พระ ที่ผมเข้าใจว่าช่างฝีมือบางโรงงานเกิดความลังเลว่าจะทำให้กร่อนตรงไหน หรือโปะตรงไหนดี
- ความไม่ลงตัวเหล่านี้ ก็สามารถเป็นจุดสังเกตเพื่อป้องกันตัวเองจากการหยิบพระโรงงานได้ในระดับหนึ่ง
การสึกกร่อน และคราบผุตามซอกหลืบและรารักตามจุดขอบของผิวแข็งที่องค์พระของพระกรุ
จะต้องแน่นและเนียน อย่างที่เห็น
การสึกกร่อนแบบธรรมชาติจะทำให้ผิวมน มีหลุมบ่อ และเม็ดทรายหรือแร่หินเรียบมนและมัน
ทุกอย่างที่ดูต้องนึกถึงความเป็นธรรมชาติของการผุกร่อน คราบผุ คราบกรุ ตามสภาพแวดล้อมของกรุ ที่ต้องศึกษามาเพื่อการพิจารณาประกอบด้วย
เรื่องนี้จะนำมาเล่าในโอกาสต่อไปครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น