การดูพระเครื่อง ต้องพิจารณาพิมพ์เป็นอันดับแรก
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน เมื่อวันก่อนเจอน้องที่รู้จักคนหนึ่ง เขาชอบเล่นหาสะสมพระเครื่อง ก็เลยคุยกันถึงเรื่องการพิจารณาพระเครื่องว่าแท้เก๊อย่างไร เขาก็บอกผมว่าเขาพิจารณาเนื้อเป็นหลักว่าลักษณะของเนื้อพระ ผิวพระเป็นอย่างไร และดูพิมพ์เพียงคร่าวๆ ผมก็เลยบอกกับเขาว่า เวลาเห็นพระครั้งแรกเราเห็นอะไรก่อน เขาก็บอกว่า รูปร่างลักษณะ ผมก็บอกว่าถูกต้อง และนั่นแหละคือพิมพ์ของพระ การดูพระในครั้งแรกควรดูที่พิมพ์ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าพิมพ์ไม่ถูกก็ไม่ต้องดูต่อ เดี๋ยวจะเขวได้ เนื่องจากพระเครื่องนั้นเกิดขึ้นมาจากแม่พิมพ์ ก็เหมือนกับสตางค์เหรียญหรือแบงก์นั่นแหละ ถ้าเกิดมาจากแม่พิมพ์อันเดียวกันก็จะมีรายละเอียดเหมือนกันหมด ถ้าผิดไม่ถูกต้องหรือคล้ายๆ นั้นก็คือไม่ใช่ ส่วนเรื่องเนื้อก็มีความสำคัญ ก็ดูเป็นอันดับต่อมาหลังจากพิจารณาว่าพิมพ์ถูกต้องแล้ว และธรรมชาติความเก่าก็สำคัญ ทุกอย่างมีความสำคัญทั้งหมด
ครับผมจะเล่าถึงตัวผมเองที่เริ่มศึกษาพระเครื่อง ตั้งแต่ตอนแรกๆ คือผมชอบพระเครื่องก็เริ่มเช่าหามาและเอาไปสอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ ปรากฏว่า พระที่ผมเช่ามานั้นเป็นของปลอมทุกครั้ง ทำให้ผมสนใจที่จะศึกษาดูว่าเขาดูกันอย่างไร ผู้หลักผู้ใหญ่ในสมัยนั้นท่านก็เมตตานำพระแท้ๆ เอาให้ดู และบอกว่าให้จดจำไว้ เราก็เอาแว่นขยายส่องดูเป็นการใหญ่ แต่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจซักเท่าไร วันหลังมาใหม่ท่านก็เอาให้ดูอีก ถึงตอนนี้ก็เริ่มจำรูปร่างลักษณะคร่าวๆ ได้ แต่ก็ไม่รู้ถึงจุดที่ควรจะดูซักเท่าไร ผมจึงถามท่านว่าแล้วดูอย่างไร จึงจะรู้ได้ว่าแท้หรือไม่ ท่านก็บอกว่าจดจำพิมพ์ ท่านก็แนะผมว่า ให้แบ่งองค์พระออกเป็นสองส่วนคือแบ่งจากบนลงล่าง เป็นสองส่วนซ้ายขวา แล้วเห็นอะไรบ้างที่ไม่เหมือนกัน ผมก็สังเกตดูก็เห็นว่าทั้งสองด้านไม่เหมือนกันตั้งแต่ใบหน้าพระ หู องค์พระ รายละเอียดลวดลายต่างๆ ก็ไม่เหมือนกัน แล้วก็ถามท่าน ท่านก็บอกว่านั่นแหละคือรายละเอียดของแม่พิมพ์ให้ไล่ดูตั้งแต่ด้านบนจนถึงด้านล่างโดยละเอียด แล้วก็มีคำถามที่จะถามท่าน และท่านก็บอกแนะนำจนเข้าใจ
การศึกษาเรื่องพระเครื่องนั้นไม่มีสำนักการศึกษาที่ไหนสอนให้ดูพระแท้พระปลอม การศึกษาให้รู้ได้ก็ต้องสนใจหมั่นศึกษาเอาเอง โดยสอบถามผู้ที่มีชื่อเสียงที่เก่งๆ ให้ช่วยแนะนำให้ ในสมัยก่อนเรื่องรูปพระนั้นไม่มี ผู้หลักผู้ใหญ่เขาก็จะให้ดูพระแท้ๆ แต่ก็ต้องทำความรู้จักจนคุ้นเคยกันก่อนแล้วท่านก็จะแนะนำให้โดยจะให้เราสังเกตด้วยตัวเองแล้วเมื่อมีคำถามท่านจึงจะบอกให้ จะไม่มาบอกว่าให้ดูตรงนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้หรอกนะครับ ผมเองในตอนแรกๆ ก็ไม่เข้าใจ เห็นเขาดูพลิกไปพลิกมาก็รู้แล้วว่าใช่-ไม่ใช่ ก็นึกว่าจะมีโค้ดลับดูเดี๋ยวเดียวก็รู้ว่าใช่ไม่ใช่ ก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ท่านบอกความลับนั้น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด การที่ท่านไม่บอกอะไรในตอนแรกนั้นก็เพื่อที่จะให้เราค้นหาเอง และเห็นเองโดยเมื่อเราพบและนำมาถาม ท่านก็จะชี้แนะให้ ทำให้เราจดจำได้อย่างแม่นยำ และเพื่อดูว่าเราสนใจแค่ไหน ถ้ามีปัญหาที่ค้นมาได้มากจุดก็แสดงว่าเรามีความพยายามในการค้นคว้าจริงๆ ท่านก็จะสอนให้และแนะนำเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องพิมพ์ของพระ เนื้อของพระ ธรรมชาติความเก่าของพระ และส่วนมากผู้ที่รู้จริงในเรื่องพระเครื่อง และท่านจะสอนเราจริงๆ ท่านจะสอนทีละอย่าง เช่น สอนเรื่องพระคง ลำพูน ท่านก็จะสอนให้อย่างเดียวจนกว่าจะพอดูเป็น จึงจะสอนในพระอื่นๆ ต่อไป
ผมก็เริ่มศึกษามาเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ในสังคมพระเครื่องรุ่นใหญ่ๆ ท่านจะสอนเรื่องพิมพ์ก่อนเหมือนๆ กัน ต่อมาก็ศึกษาเรื่องวัสดุที่นำมาสร้างพระก็คือเนื้อของพระนั่นเองครับ เมื่อรู้ว่าเขาเอาวัสดุอะไรมาสร้างพระนั้นๆ ก็มาดูถึงประวัติความเป็นมาเพื่อที่จะได้รู้ว่ามีอายุของวัสดุนั้นว่าสร้างมากี่ปี เพื่อจะได้รู้ถึงความเสื่อมสภาพของวัสดุนั้นๆ ตามธรรมชาติ ศึกษาถึงกรรมวิธีการสร้างของพระนั้นๆ แต่ละยุคแต่ละสมัย ถ้าศึกษาถึงขั้นนี้ในแต่ละพระก็จะสามารถรู้จริงได้ครับ
ในบางครั้งที่เราเห็นเขาดูประเดี๋ยวเดียวก็รู้ว่าใช่-ไม่ใช่นั้น เกิดจากความชำนาญที่เกิดจากการฝึกฝนจนชำนาญ และเกิดการประเมินผลในสมองออกมาเป็นคำตอบว่าใช่-ไม่ใช่ครับ บางท่านอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะนึกว่ายากมากๆ และต้องใช้เวลาในการศึกษามาก ผมกล้าที่จะบอกว่า ถ้าเราศึกษาอย่างถูกต้องเป็นระบบและเป็นวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ยากนัก และใช้เวลาในการศึกษาแต่ละอย่างไม่มากนัก วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วเราค่อยมาคุยกันต่อครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น