การเรียนรู้เรื่องพระกรุเนื้อโลหะนั้น เดิมทีผมเข้าใจว่าการดูเนื้อโลหะผสม เช่น สำริดโบราณ นั้น น่าจะดูง่ายที่สุด เพราะมีทั้งสีเขียวอมฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ มีสีเนื้อแยกออกเป็นชั้นๆ จากแดงด้านในเป็นเขียวด้านนอก มีความพรุนของเนื้อใน(ถ้ามีการหักบิ่น) และมีความผุกร่อนให้เห็นได้ง่าย
แต่เมื่อต้องเผชิญกับ “สำริดจากโรงงาน” นั้น ปรากฏว่า มีการทำได้ดีมาก หลบเลี่ยงลักษณะที่ต้องสังเกตได้เกือบหมด ที่ทำให้การแยกพระสำริดจากโรงงาน ออกจากพระกรุทำได้ยากพอสมควร เนื่องด้วยความหลากหลายของส่วนผสมของ “สำริด” ที่ทำขึ้นในแต่ละครั้ง ไม่เท่ากันนั่นเอง
แต่ก็ยังมีความหลากหลายด้านคุณภาพของ “สำริดโรงงาน” ที่พอจะดูได้พอสมควร มีดูยากบ้างไม่มากนัก
จุดสังเกตที่สำคัญนั้น ก็เริ่มจาก
- ผิวนอกขององค์พระเดิม จะมีผงสนิมเขียวอมฟ้าปนดำของสีฝุ่นดิน
- สนิมและฝุ่นจะเกาะกันแน่น เป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่ยุ่ย)
พระทวาราวดีสำริด (แก่ทอง) ให้สังเกตสนิมและฝุ่นที่เกาะกันแน่น
เนื้อสำริดแก่ทองคำ ของพระยุคทวาราวดี
ให้สังเกตสนิมแดงที่ติดอยู่กับทองคำ สนิมเขียวและคราบดินคลุมด้านนอก
พระลพบุรี สำริดแก่ทองคำ
ให้สังเกตผิวทองคำ และสนิมเขียวคลุมเดิมๆ
ฐานพระสำริดที่ต้องมีการผุกร่อนอย่างเป็นธรรมชาติ
พระทวาราวดี สำริด ที่ไม่ผ่านการฝังดิน จะยังไม่ผุกร่อนมาก
เทวรูปสำริด ศิลปะปาปวน
ให้สังเกตความหลากหลายของมวลสาร สนิม และคราบเก่าแบบ "ธรรมชาติ"
รอยขอบบิ่นของพระชินราชใบเสมาเนื้อสำริด (แก่ทอง)
ให้สังเกตเนื้อในที่แยกเป็นเม็ดๆ ที่ทำปลอมได้ยาก
- ฝุ่นสนิมจะคลุมอยู่บนผิวสนิมชั้นในของโลหะที่มักมีสนิมเป็นสีแดง แต่อาจเป็นแดงเข้มเกือบดำ หรืออาจจะเป็นสีทอง (ถ้าเป็นสำริดแก่ทอง) หรือออกพรายเงิน (ถ้าเป็นสำริดแก่เงิน)
- ถ้ามีรอยหักบิ่น จะเห็นเนื้อเดิมเป็นเม็ดๆ คล้ายผิว “โฟมหัก” และมีสีของเม็ดโลหะหลากหลายชนิดปนกันอยู่
- และถ้าในเนื้อมีสนิมแทรกอยู่ด้วยแสดงว่าเก่าถึงอายุจริง และจะทำให้มีสภาพเปราะหักได้ง่าย (เวลาจับ ต้องระวังเป็นพิเศษ)
- ตามขอบ และฐานจะต้องมีรอยผุกร่อน ไม่มีรอยตะไบ อย่างมากก็มีรอยหินขัด
- เนื้อโดยรวมอาจหลากหลายตามจุดต่างๆ ขององค์พระ ที่มักจะไม่เหมือนกันตลอดทั้งองค์
- ส่วนพระโรงงานนั้น มักทำมาจากทองเหลือง แยกสีได้ชัดเจนจากทองสำริด
สิ่งที่ทางโรงงานพยายามจะทำเลียนแบบ มีหลายระดับ
- แบบง่ายๆ ก็ทาสีเป็นชั้นๆ ตามลำดับ ที่ดูได้ง่ายๆว่าเป็นสี หรือเป็นสนิม
- ที่มักมีความแตกต่างชัดเจนเมื่อส่องด้วยเลนส์
- ที่มีฝีมือ ทำดีๆมาก ก็คือการทำให้เกิดสนิมเป็นชั้นๆ
- โดยการนำไปฝังดิน ให้เกิดสนิมดำๆ แล้วมาเคลือบสนิมทองแดง ไปฝังดินให้เกิดสีเขียว ที่ใช้เวลามากขึ้น แต่ก็จะคล้ายของจริงมากขึ้น
- การทำให้เกิดขอบที่ผุกร่อน
- การทำโลหะเนื้อในให้เป็นเม็ดโฟม และ
- ความเนียนกลมกลืนของสนิมที่อยู่ในเนื้อพระ
- ความหลากหลายของโลหะในส่วนต่างๆขององค์พระ
แต่ก็ไม่แน่นะครับ บางโรงงานอาจจะทำได้แล้วก็ได้ อย่าประมาทครับ
ดังนั้น จุดที่พอจะเหลือพอสังเกตได้ ก็คือความ “เนียน” ของส่วนต่างๆ
ทั้งผิวนอก ขอบ รอยผุ สนิมขุม และความหลากหลายของมวลสารในเนื้อพระองค์เดียวกัน ที่เป็นการเสียเวลาและลงทุนสูงไม่คุ้มกับค่าแรง
โดยเฉพาะพระที่ราคาในท้องตลาดไม่สูงนัก
และพระเหล่านี้ก็ไม่ได้รับการยกให้เป็นพระหลัก แต่อาจนิยมอยู่ในกลุ่ม “พระโบราณ” ที่มีตลาดแคบ ที่อาจไม่คุ้มกับการลงทุนที่อาจต้องทำในปริมาณมาก หรือได้ราคาสูงเท่านั้น
ขอให้โชคดีครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น