คนที่เข้าไปใหม่แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จะกลายเป็น “หมู” ให้เซียน “เชือด” ทั้งการ “รับซื้อ(เช่า)ที่ถูก-แบบมือต้น” “ขาย(ให้เช่า)ที่แพง-แบบมือปลาย”
เมื่อประมาณห้าปีมาแล้วผมได้จัดบ้านใหม่ โดยเฉพาะต้องการจัดของตามหลัก ๕ ส ในบ้านตัวเอง ก็ได้พบว่ามีพระพุทธรูปและพระเครื่องจำนวนหนึ่งอยู่ในกล่องใส่รูป พร้อมกับเหรียญกษาปณ์เก่าๆ อีกจำนวนหนึ่ง
ผมได้พยายามจัดระบบทั้งพระพุทธรูปและเหรียญกษาปณ์ โดยมีความรู้น้อยมาก
ผมจึงต้องนำพระและเหรียญทั้งกล่องไปถามผู้รู้ที่แผงรับอัดกรอบพระ และที่ร้านขายเหรียยกษาปณ์ในเมืองขอนแก่น
ทำให้ผมได้รับทราบว่าเหรียญ พระเครื่อง และพระพุทธรูปที่ผมมีนั้นคืออะไร อยู่ในประเภทไหน ยุคไหน
ตอนแรกผมก็เชื่อไปตามที่เขาบอก แต่พอถามหลายๆครั้งกลับได้คำตอบไม่ตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องพระเครื่องนั้น ดูเหมือนว่าจะมีหลายรุ่น หลายพิมพ์ หลายเนื้อ และหลายราคา ตั้งแต่เป็นสิบบาท จนถึงเป็นสิบล้าน ทำให้ผมคิดว่าอันตรายเกินไปที่จะเข้าไปในระบบ ผมจึงหยุดการศึกษาเรื่องพระเครื่องตั้งแต่ช่วงนั้น เหลือไว้แต่การตามข้อมูลเหรียญกษาปณ์ ที่ทำให้ผมมีเงินโบราณจนถึงปัจจุบันเกือบครบทุกรุ่น ทุกยุค ตั้งแต่สมัยฟูนัน ทวาราวดี ศรีวิชัย สุโขทัย อยุธยา กรุงธน และรัตนโกสินทร์ (ยกเว้นเฉพาะเหรียญราคาแพงที่นักสะสมเขา “เล่น” กัน สักไม่เกิน ๑๐ รุ่น) เรียกได้ว่า สะสมจนถึงทางตัน ไม่มีใหม่อีกแล้ว
แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว เมื่อท่านครูบาสุทธินันท์ ได้รับรางวัล “พระธาตุนาดูนทองคำ” ทำให้ผมนึกสนุก ไปหาค้นหาพระธาตุนาดูนที่ได้มานานแล้วมาแขวนคอบ้าง ทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดว่า เพียงไม่กี่วัน ก็มีคนนำพระพุทธรูปจากนาดูนมาให้อีกหลายองค์โดยไม่ได้ไปค้นหาแต่ประการใด
หลังจากนั้น เพื่อนๆ และผู้ที่ผมเคารพนับถือก็ได้บริจาคพระเครื่องให้มาเรื่อยๆ ทำให้ผมต้องไปหาซื้อหิ้งพระมาวางให้เป็นที่เป็นทาง
และหลังจากผมนำเรื่องขึ้นบล็อกก็มีคนติดต่อเข้ามา ทำให้ผมลองสืบค้นดูในระบบอินเทอร์เนต ที่ทำให้ได้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อหลายแหล่ง รวมถึงตลาดพระในอินเทอร์เนตด้วย
แต่พอติดต่อไปจริงๆ ผมกลับพบพระที่ทำขึ้นใหม่ มากกว่าที่จะเป็นพระของเดิมตามที่โฆษณาไว้ ทำให้ผมเสียเวลาและเงินไปเปล่าๆ หลายพันบาท ผมจึงหยุดกิจกรรมดังกล่าว เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร
จนกระทั่งผมไปทำงานเรื่องพลังงานทดแทน และได้พบพระที่บอกว่ามีพระกรุบ้านกร่างของจริง และรับประกันคืนได้ถ้าไม่จริง ผมจึงลองแบบกล้าๆกลัวๆ แต่พบว่าเป็นของจริง ไปให้ใครดูก็ “ผ่าน” ก็เลยไว้ใจ และก็ได้ร่วม “ทำบุญ” ไปหลายองค์
การได้พระกรุบ้านกร่างจากการทำบุญมา จึงได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของร้านทำกรอบพระ ที่ช่วยดูให้ทั้งหมดที่มี ว่าองค์ไหน “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ทำให้ผมได้เรียนรู้มากมาย
และทำให้ผมได้พบ “เซียน” ระดับนักประวัติศาสตร์ นักพุทธศิลป์ และนักสะสมตัวจริง ที่ไม่หวงความรู้ ไม่ค่อยว่าง แต่มีเวลาให้ผมเสมอ
ผมก็ใช้หลัก “วิสาสะ ปรมา ญาติ” ที่ทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้อย่างรวดเร็ว
ท่านพาผมไป “ลุย” ตลาดพระในเมืองขอนแก่น ทำให้ผมได้เห็น “โลกแห่งความเป็นจริง” เกี่ยวกับตลาดพระ ไปอีกระดับหนึ่ง
ผมได้พบว่า ราคาที่เขาคุยกันนั้นเป็นราคาระดับสูง ระดับ “มือปลาย” แต่การเช่าพระจริงๆที่นั่นจะเป็นระดับ “มือต้น” ที่มีความแต่ต่างกันได้เป็นสิบถึงร้อยเท่า
และ ณ วันนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า ใครจะยอมเป็น “มือปลาย” เพราะนักสะสมทั้งหลายก็พยายามเป็นมือต้น ทั้งสิ้น
การเช่าพระแบบ “มือต้น” จะมีการ “กดราคารับซื้อ” แบบเป็นระบบ ตกลงกันไว้เลย
คนที่เข้าไปใหม่แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จะกลายเป็น “หมู” ให้เซียน “เชือด” ทั้งการ “รับซื้อ(เช่า)ที่ถูก-แบบมือต้น” “ขาย(ให้เช่า)ที่แพง-แบบมือปลาย” พระที่แท้ๆ หรือดีๆแค่ไหน ก็จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า “เก๊” ทั้งหมด เพื่อกดราคาแบบ “เป็นระบบ” และพระที่ผลิตขึ้นใหม่ๆ ก็ทำแบบ “เหมือน” แบบแทบแยกไม่ออก บางทีขนาดเซียนก็ดูได้ไม่ขาด เพราะเทคนิควิธีการทันสมัยจนดูไม่ออก อาจต้องใช้เครื่องมือตรวจสอบหลายทางจึงจะยืนยันได้
ผมเข้าไปเห็นแล้วบอกได้คำเดียวว่า “เสียว” และ แทบไว้ใจใครไม่ได้เลย
แต่ด้วยความที่ผมมี “เซียน” นำทางให้ ผมจึงปลอดภัย และทำให้ได้พระกรุ และพระเครื่องที่น่าจะ “แท้” ในราคา “มือต้น” มากว่า ๓๐ องค์ แบบเกือบครบทุกกลุ่ม กลุ่มละสองสามองค์
ถือว่าพอเอาตัวรอดได้
จึงขอเตือนท่านที่จะเข้าไปในระบบ ถ้าความรู้ไม่พอ หรือไม่มีตัวช่วย “อย่าเสี่ยง” ครับ
เจ็บตัวแน่นอน ภัยรอบด้านจริง
สวัสดีครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น