จากการศึกษาพระสมเด็จ แบบทราบต้นทุน ที่มา และรายละเอียดของพระ ทำให้ผมลงทุนเพียงองค์ละประมาณ ๒๐๐ บาท บางองค์ ๕๐ บาทก็มี (นับเฉพาะองค์ที่พิมพ์ และเนื้อถูกต้อง ในกลุ่มพระหลักจากวัดระฆ้ง วัดบางขุนพรหม และวัดเกศไชโย เท่านั้น)
หลังจากผมศึกษาพระเครื่องมาเป็นเวลาประมาณ ๑๐ เดือน ภายใต้การชี้แนะของท่านเซียนใหญ่ และการสนับสนุนจากผู้รู้ในตลาดพระเครื่องเมืองขอนแก่น ผมก็ได้ก้าวมาเกินกว่าที่ตั้งใจไว้
แต่เดิมผมไม่สนใจพระเบญจภาคีเลยแม้แต่น้อย เพราะท่านเซียนใหญ่เปรยเสมอว่าเป็นเรื่องยาก ทั้งหายาก ราคาแพง และของปลอมมากมาย
แต่เมื่อผมศึกษาพระกรุไปสักพัก ก็มีอันต้องมาพัวพันกับพระเบญจภาคีบางองค์ เช่น พระซุ้มกอ พระนางพญา พระรอด และ พระผงสุพรรณ ที่เป็นส่วนหนึ่งของพระกรุ
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ผมก็จำเป็นต้องหันมาศึกษาพระสมเด็จ เนื่องด้วยปัญหาการเคลียร์เงินค่าเช่าพระไม่ลงตัว และเขาให้ผมถือพระสมเด็จเป็นหลักประกันไว้ก่อน
แรกๆ ก็ใช้พระเก๊แบบแลกชิพเข้าคาสิโน (ประมาณนั้น) แต่ต่อมาก็เริ่มใช้พระจริง เพื่อลดจำนวนพระที่ถือเป็นหลักประกัน
และการประกันได้เลื่อนไปถึงของแท้ดั้งเดิม ที่เป็นพระสมเด็จองค์แรกที่ผมมี
ผมจึงจำเป็นต้องมีการจัดระบบความรู้ด้านพระสมเด็จ ที่จะเข้าใจมูลค่าของพระสมเด็จที่ได้รับมา
ณ วันนี้ผมมีพระสมเด็จที่ได้รับมาแบบการประกันราคาพระ ๗ องค์ และที่ได้มาแบบจงใจ ๒ องค์
จากการศึกษาพระสมเด็จ แบบทราบต้นทุน ที่มา และรายละเอียดของพระ ทำให้ผมลงทุนเพียงองค์ละประมาณ ๒๐๐ บาท บางองค์ ๕๐ บาทก็มี (นับเฉพาะองค์ที่พิมพ์ และเนื้อถูกต้อง ในกลุ่มพระหลักจากวัดระฆ้ง วัดบางขุนพรหม และวัดเกศไชโย เท่านั้น)
ทำให้ผมกลับมาคิดเรื่องการจัดพระแบบ “เบญจภาคี” ที่ต้องหาพระรอด และพระผงสุพรรณเพิ่มมาอีก
ผมจึงต้องไปเน้นศึกษาพระรอดและพระผงสุพรรณ เป็นเวลาอีกประมาณ ๑ เดือน ก็ได้มาประมาณชนิดละ ๑๐ กว่าองค์ ในราคาหลักร้อย จนถึงหลักสิบ ในระยะหลังๆ
พอจัดไปจัดมา ก็ได้เบญจภาคีทั้งหมดกว่า ๑๐ ชุด แบบคุยมูลค่าได้ ว่าเป็นหลักล้าน แค่ต้นทุนมาหลักร้อย
นี่คือผลของการจัดการพัฒนาความรู้ ด้านพระเครื่อง
ที่สรุปได้ว่า เมื่อมีความรู้พอใช้แล้ว ก็เอื้อมถึงเบญจภาคีหลักล้านด้วยทุนเพียงหลักร้อย
ผมทำสำเร็จแล้ว จึงมาเล่าให้ฟังครับ
สนใจหารือได้ครับ
ไม่ยากอย่างที่คิด และรู้มาแต่เดิมครับ
ไม่เชื่อก็ลองดูได้เลยครับ ได้ผลแน่นอน
ระวังแค่อย่าให้โดนทุบ “ยัดกรุ” มาเท่านั้นก็พอครับ
โชคดีครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น