วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สรุปบทเรียนจากตลาดพระเครื่อง: เงินและความรู้ขั้นต่ำในการเช่าพระแท้ๆสักองค์

หันมาเรียนรู้ เพื่อการพึ่งตนเอง ดีกว่าการเรียนรู้เพื่อพึ่งผู้อื่นมากมายเลยครับ

ในตลาดพระเครื่อง มีความซับซ้อนมากกว่าตลาดทั่วๆไป ตรงที่

แม้ท่านจะมีเงิน ก็อาจไม่มีโอกาสได้พระแท้ไว้ครอบครอง

แต่จะต้องมีความรู้ขั้นต่ำประกอบด้วยเสมอ

นี่คือเสน่ห์ของตลาดพระเครื่อง ที่ทำให้ต้องมีการเรียนรู้ตลอดเวลา และหาที่สิ้นสุดได้ยาก  ทั้ง

·        ระบบตลาดโดยรวม
·        ระบบแผงพระ
·        สังคมของผู้ให้เช่าพระ
·        ชนิดของพระเครื่อง เนื้อ พิมพ์ ความเก่า ความสมบูรณ์
·        แหล่งที่มาของพระเครื่อง ของแท้ ของปลอม พิมพ์นิยม พิมพ์ไม่นิยม
·        ราคาและคุณภาพ

ถ้าไม่มีความรู้ หรือรู้ไม่พอ แม้จะใช้เงินมาก ก็ยังอาจได้ของปลอม

แต่ถ้ามีความรู้ ใช้เงินน้อย ก็ได้พระแท้

ดังที่ผมเคยเขียนไว้แล้วว่า พระแท้ๆ มีราคาตั้งแต่ ๒๐ บาท ขึ้นไป ถึงเป็นหลักล้าน ในขณะที่พระปลอม ก็มีราคาใกล้เคียงกันมาก ที่มีการพัฒนาฝีมือการปลอมที่สูงมาก ระดับที่ใช้กันว่า “ปาดคอเซียน”

คือแม้แต่เซียนก็พลาดได้ เพราะขาดการพิจารณาบางประเด็น

โดยเฉพาะ พระที่ใช้วัสดุ หรือมวลสารเดิม ลอกพิมพ์เดิม แต่งเติมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งเนื้อดิน เนื้อว่าน และเนื้อโลหะ

สนิม คราบเก่า รอยกร่อน ใบรับรองปลอม ประกาศนียบัตรปลอม แม้แต่รางวัลปลอม ทำได้โดยช่างฝีมือทั้งหมด จาก “โรงงาน” บางองค์มีการแกล้ง “ทำหัก” อำพรางความใหม่ อีกด้วยซ้ำ

ฉะนั้น จึงไม่อาจดูจากเนื้อและพิมพ์ได้ ต้องดูบริบทโดยรวม ที่มา และความสอดคล้องกันของเนื้อพระ

และความรู้ที่สำคัญ ก็คือ ความแตกต่างระหว่างความเป็น “ธรรมชาติ” ของแต่ละพื้นที่ของแหล่งพระ และสิ่งที่เกิดจาก “ฝีมือ” ของช่างจากโรงงาน ที่ยังมีความแกต่างในรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย

ดังนั้น ถ้ามีเงินทุนแค่ ๒๐ บาท ถึงหลักร้อย

ก็ต้องมีเวลา และต้องมีความรู้ระดับ “เซียน” ในแต่ละกลุ่ม แต่ละรุ่น และ แต่ละประเภทของพระเครื่อง ตามลำดับ ที่อาจเรียกว่า “เซียนเฉพาะสาขา หรือ เฉพาะประเภท หรือ เฉพาะรุ่น หรือ เฉพาะพื้นที่” แล้วแต่กรณี ที่มักเรียกตามชื่อพระเครื่องหรือกลุ่มพระเครื่อง

แต่ถ้าไม่จำกัดประเภทพระ ก็ต้องระดับ “เซียนใหญ่”

และถ้าไม่จำกัดเขตแหล่งที่มาของพระ ก็ต้องระดับ “เซียนทะลุโลก” ที่ใช้เรียกกันเล่นๆ แต่ก็สะท้อนระดับความสามารถของคนคนนั้นได้ดี

แต่ถ้ามีเงินระดับพัน หรือหมื่น ความรู้ที่จำเป็นก็น้อยลง โดยอาจพึ่งพาความรู้จาก “เซียน” ระดับต่างๆ แต่ก็ต้องระวังการ “กินหัวคิว” หรือ “พระปลอมยัดกรุ” ที่ทำให้อย่างไร ก็ต้องมาศึกษา ให้ได้ความรู้ไว้ป้องกันตัวเองอยู่ดี

จึงอาจสรุปในชั้นนี้ได้ว่า ความรู้ไม่พอนั้น เสี่ยงมาก พึ่งพาคนอื่น ก็อาจโดนหลอก (ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ) ได้โดยง่าย

การจัดการความรู้เพื่อการพึ่งตนเอง จึงมีความจำเป็นมากครับ

และตลาดพระเครื่อง เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ

ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้มากมายจริงๆ

วันนี้ หลังจากเรียนรู้มาระยะหนึ่ง

ผมจึงขอฟันธง แบบมั่นใจสุดๆ ว่า

หันมาเรียนรู้ เพื่อการพึ่งตนเอง ดีกว่าการเรียนรู้เพื่อพึ่งผู้อื่นมากมายเลย

ผมซึ้งกับวิถีนี้จริงๆครับ



บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ดร. แสวง รวยสูงเนิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น